นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง แถลงข่าวการจัดการหนี้ทั้งระบบ โดยกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้ โดยแบ่งกลุ่มลูกหนี้ในระบบออกเป็น 4 กลุ่ม คือ

หนี้เสีย-ไฟแนนซ์ไม่ปล่อยกู้ ทุบเต็นท์รถมือสองยอดขายตก

ส่งกฤษฎีกาแล้ว ตีความ พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้าน นายกฯยันเงินดิจิทัล ทันใช้ พ.ค.67

1.ลูกหนี้ที่ได้ผลกระทบจากโควิด-19 ขาดสภาพคล่องทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ กลายเป็นหนี้เสียและมีประวัติค้างอยู่ในเครดิตบูโร

2.กลุ่มมีรายได้ประจำ แต่มีภาระหนี้จำนวนมาก คือ ภาระหนี้เกินศักยภาพในการชำระคืนหนี้ เช่น ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำรวจ ทหาร และหนี้บัตรเครดิต เป็นต้นคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

3.กลุ่มที่มีรายได้ไม่แน่นอน การชำระคืนหนี้ไม่ต่อเนื่อง เช่น เกษตรกร ลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เช่าซื้อแบบลีสซิ่งรถยนต์ และ รถจักรยานยนต์ ลูกหนี้ กยศ. เป็นต้น

4.กลุ่มหนี้เสียคงค้างกับสถาบันการเงินเป็นเวลานาน มีประวัติค้างอยู่ในเครดิตบูโร ไม่สามารถขอสินเชื่อเพิ่มได้

ซึ่งแนวทางการช่วยเหลือทั้ง 4 กลุ่ม จะแบ่งเป็นดังนี้

1.ลูกหนี้ที่ได้ผลกระทบจากโควิด-19

  • ยกเลิกสถานะหนี้เสีย (NPL) หรือผ่อนปรนการชำระเป็นการชั่วคราว
  • ส่วนใหญ่รายย่อยเป็นลูกหนี้ธนาคารออมสิน และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยคาดว่าจะช่วยเหลือได้ 1.1 ล้านราย
  • ส่วนกลุ่ม SMEs จะเข้าไปช่วยเหลือผ่านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และพักชำระหนี้ กับลูกหนี้ที่อยู่กับธนาคารรัฐ ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลเป็นเวลา 1 ปี โดยคาดว่าจะช่วยเหลือคลอบคลุม99% ของจำนวนลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสีย

กลุ่มที่ 2 คือลูกหนี้มีรายได้ประจำ ภาระหนี้เกินศักยภาพ แบ่งเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ

กลุ่มข้าราชการครู เป็นหนี้ราว 900,000 คน รวมถึง กลุ่มข้าราชการตำรวจ ทหาร จะได้รับการช่วยเหลือผ่าน 3 แนวทาง

  • ลดดอกเบี้ยสินเชื่อไม่ให้สูงเกินไป เพราะเป็นกลุ่มมีรายได้ประจำ ความเสี่ยงตำ
  • โอนหนี้ทั้งหมดไปไว้ในที่เดียว เช่น สหกรณ์ เพื่อให้การตัดเงินเดือนทำได้สะดวก สอดคล้องกับรายได้
  • บังคับใช้หลักเกณฑ์การตัดเงินเดือนให้เหลือเพียงพอต่อการดำรงชีพ พร้อมแนะนำให้หน่วยงานราชการ กระทรวงอื่นๆ ใช้เกณฑ์แนวทางการตัดเงินเดือนเหลือจ่ายอย่างน้อย 30% หลังการตัดหนี้ไปแล้ว เช่นเดียวกับกระทรวงศึกษาธิการ

โดยทั้ง 3 แนวทางจะต้องทำ"พร้อมกัน" ทั้งหมด

กลุ่มหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งถูกคิดดอกเบี้ยสูงและเป็นหนี้คงค้างชำระ

  • ปรับโครงสร้างหนี้ผ่านคลินิกแก้หนี้
  • รวมหนี้เป็นก้อนเดียวและกำหนดผ่อนได้นาน 10 ปี
  • ลดดอกเบี้ยเหลือ 3-5%

3.กลุ่มที่มีรายได้ไม่แน่นอน การชำระคืนหนี้ไม่ต่อเนื่อง เช่น เกษตรกร ลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เช่าซื้อแบบลีสซิ่งรถยนต์ และ รถจักรยานยนต์ ลูกหนี้ กยศ. เป็นต้น

  • พักหนี้ 3 ปีทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้เกษตรกร เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ของลูกหนี้ วงเงิน 300,000 บาทต่อราย ซึ่งโครงการนี้มีเกษตรกรเข้าร่วมการพักหนี้กว่า 1.5 ล้านราย เป็นต้น
  • ลูกหนี้ กยศ. จะปรับแผนการผ่อนให้เข้ากับรายได้ของคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน ลดดอกเบี้ยให้เงินต้นลดเร็ว ถอนอายัดบัญชี ให้ลูกหนี้เข้าถึงระบบการเงิน และให้ผู้ค้ำประกันหลุดจากการค้ำประกัน คาดว่าจะช่วยได้กว่า 2.3 ล้านราย
  • กลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ซื้อรถใหม่ต้องคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 10% ส่วน รถจักรยานยนต์ไม่เกิน 23% ต่อปี ลดดอกเบี้ยผิดนัดให้ต่ำลง ให้ส่วนลดลูกหนี้ที่ปิดบัญชีก่อนกำหนด

4.กลุ่มหนี้เสียคงค้างกับสถาบันการเงินเป็นเวลานานจนติดเครดิตบูโร มีประวัติค้างอยู่ในเครดิตบูโร ไม่สามารถขอสินเชื่อเพิ่มได้

  • ตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างสถาบันการเงินของรัฐกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ซึ่งจะทำให้การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้เป็นไปอย่างคล่องตัวมากขึ้น คาดว่ามาตรการนี้จะสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ในกลุ่มนี้ได้ประมาณ 3 ล้านราย

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุในระยะเร่งด่วน เพื่อต่อลมหายใจให้ลูกหนี้ทุกกลุ่ม ในระยะยาว ควรมีการแก้ปัญหาในระดับโครงสร้าง โดยยกระดับการให้บริการสินเชื่อให้เหมาะสมและเป็นธรรม

ซึ่งกระทรวงการคลังได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จัดทำแนวทางเพื่อยกระดับการให้สินเชื่อและการค้ำประกันสินเชื่อ ให้สะท้อนความเสี่ยงของลูกหนี้ได้มากขึ้นเป็นธรรมมีมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคที่เหมาะสม และป้องกันปัญหาการก่อหนี้เกินศักยภาพ

นอกจากนั้น ในระยะยาวควรมีการแก้ปัญหาในระดับโครงสร้าง โดยการให้สินเชื่อและค้ำประกันที่สะท้อนความเสี่ยงของลูกหนี้มากขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาก่อหนี้เกินศักยภาพ เช่น ต้องให้เหลือเงินพอกับการดำรงชีพ เช็กประวัติการชำระค่าน้ำค่าไฟ เป็นต้น

ต่อมานายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ระบุว่า การแก้ไขปัญหาหนี้ในระบบครั้งนี้จะ คลอบคลุมหนี้ครัวเรือนทั้ง 16 ล้านล้านบาท หรือ มากกว่า 90% ของจีดีพี ส่วนที่เป็นบัตรเครดิต ยอดหนี้อยู่ที่ 540,000 ล้านบาท กำลังมีปัญหา 67,000 ล้านบาท จากผู้ถือบัตรเครดิต 23.8 ล้านใบ โดยมี 1.1 ล้านใบกำลังมีปัญหาซึ่งสรุปได้ว่า ภาพรวมลูกหนี้ที่มีปัญหาแล้วจะอยู่ที่ 5 ล้านคน หรือประมาณ 12 ล้านบัญชี

หลุดแชทเด็ก 17 ปี เรียกเพื่อนมารับหลังรู้ตัวถูก “สมรักษ์” พามาโรงแรม

กางปฏิทินจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ค่าจ้างลูกจ้างประจำ บำนาญ ปี 2566

กู้ภัยระดมเจ้าหน้าที่ค้นหาผู้สูญหายในทะเลหาดจอมเทียน ยังไม่ชัดมีกี่คน